"ห้องเรียนลอบฆ่าเทอมที่หนึ่ง ปิดภาคเรียนลงณ.บัดนี้"
สิ้นเสียงอ.หนวดผู้มีความเร็ว 20 มัค โคโระเซนเซย์ นักเรียนทุกคนแห่งห้องเรียบลอบสังหารก็พากันหันหลังเดินจากห้องเรียน เพื่อมุ่งหน้าเตรียมตัวลอบสังหารในช่วงเข้าค่ายภาคฤดูร้อนที่เกาะแห่งหนึ่ง หลังจากที่ชนะพนันกับห้องA โดยผู้ที่มีคะแนนท็อปรายวิชาจะมีสิทธิ์ในการทำลายหนวดอ.โคโระ อย่างละเส้นด้วย
"คารุมะคุง..." โอคุดะ มานามิ หนึ่งในผู้มีสิทธิ์นั้นรำพึงชื่อบุคคลผู้ที่พลาดการเป็นส่วนร่วมในครั้งนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
ตลอดเส้นทางการเดินกลับบ้านของเธอ แม้หนทางจะดูสงบราบรื่นเหมาะกับการหยุดภาคฤดูร้อนเป็นอย่างมาก แต่ในใจกลับคิดคำนึงถึงชายหนุ่มผู้ที่ในตอนนี้ใบหน้ายังคนเรียบเฉย หน้าที่เคยเชิดอย่างภาคภูมิใจก็ตกลงมาราวกับก้อนหินถ่วงลงก็ไม่ปาน
"อ๊ะ ฉันต้องไปทางนี้ต่อแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันไปก่อนนะจ้ะ โชคดีนะคารุมะคุง" หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อสุดทางที่เธอกับเขาต้องแยกกันประจำ
"อื้ม เช่นกันนะ คุณโอคุดะ" คารุมะกล่าวตอบพร้อมกับยกมือขึ้นเป็นสัญญาณบอกลาเล็กน้อย
ยังคิดมากจริงๆด้วย ทำยังไงดีนะ สาวน้อยแสดงความกังวลต่อเพื่อนร่วมชั้นคนนี้เป็นอย่างมาก ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับคนละคนของคารุมะ ทำให้โอคุดะรู้สึกอยากช่วยให้เขากลับมาเหมือนเดิมเร็วๆ
อาคาบาเนะ คารุมะ ผู้มีผลการเรียนเป็นเลิศ สภาพร่างกายที่พร้อมเสมอ และมันสมองอันปราดเปรื่อง พรสวรรค์พวกนี้ทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นเด็กที่มั่นใจในตัวเองเป็นที่หนึ่ง และคิดว่าไม่ว่าอะไรก็สามารถได้มาง่ายๆโดยไม่ต้องออกแรงอะไร แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ ชายหน่มได้เรียนรู้ถึงความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก
"เอ๊ะ นั่นมานามิสินะ" เด็กผู้หญิงผมประบ่าคนหนึ่งกล่าวขึ้นหลังจากที่เธอกำลังเดินผ่านผู้หญิงสองคน ความคิดถึงเพื่อนร่วมชั้นได้หยุดกระทันหัน
"เห ดูใบหน้านั่นสิ ยังเหมือนเดิมจริงๆล่ะนะ" เด็กผมลอนกล่าวขึ้นบ้าง เธอกำลังถือกระเป๋านักเรียนสองใบที่เหมือนกัน ใบนึงเป็นของเธอ ส่วนอีกใบเป็นของเพื่อนเธอ ผู้ที่กล่าวทักโอคุดะเป็นคนแรก
"ไอจัง มาโกะจัง..." โอคุดะหยุดฝีเท้าพร้อมกับทักผู้หญิงกลุ่มนี้ หน้าเธอซีด ดวงตาสีลาเวนเดอร์เบิกโพลงอย่างตกใจ
"อะไรกัน ทำยังกับเห็นผีอย่างนั้นแหละ นี่เพื่อนสนิทของเธอเองไงจ๊ะ" น้ำเสียงของไอแฝงไปด้วยความขันปนความเหยี่ยดหยามอย่างชัดเจน
"นี่เธอนะ ถ้ายอมเป็นเบ๊ตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องย้ายห้องแล้ว ฉันจะช่วยพูดให้คุณครูให้ก็ได้ คิกคิก" มาโกะร่วมผสมโรง
"นี่อย่ามาทำซื่อบื้อหน่อยเลย เธอน่ะยังมีเรื่องต้องชำระฉันอีกเยอะ" ไอไม่พูดเปล่าหล่อนยังคว้าเปียของโอคุดะไปกระชากหนึ่งข้างอย่างแรง
โอคุดะพยายามขัดขืนแต่เธอไม่สามารถสู้แรงได้จึงได้แต่ต้องปล่อยตัวให้โดนกระชากไปตามแรงดึงของเจ้าหล่อน
"เห เห เธอสองคนนั้นน่ะวันนี้ว่างไหม สนใจไปด้วยกันเปล่า" ชายหนุ่มตาสีอันพัน ผมสีแดงและยิ่งแดงมากขึ้นอีกเมื่อต้องแสงอาทิตย์ยามเย็มได้กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ "สเปคของคารุมะคุงเป็นแบบนี้เองหรือนี่" โอคุดะคิดขึ้นในใจ เธอตกใจกับการปรากฎตัวของชายหนุ่มจนลืมความเจ็บไปเลยพวก
"ได้สิ ที่ไหนก็ได้ที่เธอต้องการ" ไอตอบกลับพร้อมสายตาที่ยั่วยวนจนโอคุดะยังอดที่จะอายแทนไม่ได้
"นั่นสินะ ถ้าเป็นโรงพยาบาลเธอสะดวกไหม" คำตอบกลับของชายหนุ่มทำเอาสองสาวถึงกับมึนงง
"แหมๆ ก็กำลังจะเจ็บหนักนี่นะ ไม่ไปโรงพยาบาลหรือเธอจะลงโลงไปเลยดี" น้ำเสียงที่ขี้เล่นแต่คำพูดกลับโหดร้ายอย่างกับเสือที่พร้อมจะขย้ำเหยือ
"เราจะไปกันภายในสามวินาทีนี้แหละถ้าหากเธอยังไม่ปล่อยผู้หญิงคนนั้น" เอื๊อก เสียงกลืนน้าลายของโอคุดะที่เธอรู้แล้วว่าชายหนุ่มตรงนี้มาเพื่อช่วยเธอ
"ฮึ่ย ตาบ้า ผู้ชายอะไรป่าเถื่อนชะมัด" ไอรีบปล่อยผมโอคุดะอย่างเร็วแล้วหนึไป ทิ้งให้มาโกะวิ่งถือกระเป๋าตามหลังอย่างลำบาก
"อ๊ะ ขอบคุณนะคะคารุมะคุง" หญิงสาวเอ่ยขอบคุณอย่างไว
"ฮื้อ ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็ไม่กล้าทำจริงหรอก ขืนทำอย่างนั้นได้ออกจากโรงเรียนแน่" ชายหนุ่มตอบกลับพร้อมส่งสายตาอาวรณ์ ใช่แล้วเขาไม่อยากจากอะไรไปหลายๆอย่างในห้อง E
"แล้วคารุมะคุงมาทำอะไรแถวนี้เหรอ เราแยกกันตรงสุดทางนั้นแล้วนี่จ้ะ"
"ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่รู้สึกเหนือยๆ เลยยังไม่อยากกลับบ้านน่ะ" เขาตอบเช่นนั้นแม้จุดประสงค์หลักจะไม่ใช่ก็ตาม
"อ่อ ถ้าอย่างนั้นไปสวนสาธารณะนั้นไหม มุมนั้นมีต้นไม้ใหญ่และพระอาทิตย์ก็กำลังจะตกด้วย แสงสวยมากๆเลยล่ะจ้ะ" เธอชวนเขาเพราะเห็นว่านี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้น
และแน่นอน คำชวนนั้นสร้างความประหลาดใจกับเขาจริงๆ
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณโอคุดะจะชวน โชคดีชะมัด ความคิดแสนเจ้าเล่ห์บังเกิดขึ้นในบัดดล
สวนสาธารณะ ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ มีทั้งครอบครัวและเพื่อนฝูงนัดพบปะกัน แต่ที่นี่กลับตรงกันข้าม แม้บรรยากาศจะแสนดีมากมาย แต่กลับไร้วี่แววผู้คนมาพักผ่อน
"อ๊ะ ปิดปรับปรุง" ถูกต้องแล้วครับ ที่นี่จะเพิ่งเริ่มปิด เพราะยังไม่มีรอยรื้อถอนใดๆทั้งสิ้น ป้ายคงเพิ่งมาปักเพื่อเตรียมดำเนินการพรุ่งนี้เป็นต้นไป
"ถ้างันไว้โอกาสหน้าดีกว่าเนอะ" เธอเอ่ยขึ้น แม้ชายหนุ่มจะขัดใจแต่ก็แย้งไม่ได้
"กลับกันเถอะ เริ่มเย็นแล้วด้วย" ชายหนุ่มเอ่ยปากขึ้นอย่างเย็นชา
โอคุดะรู้สึกสับสนขึ้นมา เธออยากทำประโยชน์ให้เขา อยากให้เขารู้สึกดี แต่กลับผิดพลาดไปหมด ยิ่งคิดก็ยิ่งฝุ้งซ่าน แล้วม่านน้ำตาก็เอ่อคลอ
"เอ่อ คุณโอคุดะ ฉันทำไรผิดหรือเปล่า" คารุมะตกใจที่จู่ๆหญิงสาวก็ตัวสั่นแล้วตากับจมูกก็เริ่มแดง ร้องไห้งั้นเหรอเนี้ยะ
"เปล่าจ้ะ คารุมะคุงไม่ผิดหรอก ฉันแย่เองล่ะ ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย สอบครั้งนี้คารุมะคุงคงเจ็บน่าดู แต่ฉันกลับระรื่นดีใจกับความสำเร็จตัวเอง ไม่สามารถทำให้คารุมะคุงร่าเริงได้เลย ฮึกๆ" คำพูดพรั่งพรูราวกับสายน้ำตาเธอในตอนนี้
คารุมะหรีตาเล็กน้อย ก่อนที่จะดึงร่างบางเข้าหาตัว สองแขนโอบรอบคอเจ้าหล่อนอย่างทะนุถนอม
" ไม่เลย แค่มีเธอตรงนี้ ฉันก็รู้สึกดีมากแล้ว" โอคุดะตกใจกับการกระทำของเขา แต่ความอบอุ่นในกาย ทำให้เธอยอมอยู่เฉย ปล่อยให้ร่างสูงโอบกอดไว้จนกระทั่ง....
RRRRRRR
เสียงเรียกเข้าเจ้าปัญหาของสาวน้อย โอคุดะหยิบขึ้นมาเช็คข้อความ กลุ่มห้อง E นั้นเอง เรียกประชุมพรุ่งนี้สินะ
"คารุมะคุง พรุ่งนี้เพื่อนๆเรียกรวมตัวจ้ะ เห็นว่าจะประชุมการลอบฆ่าในภาคฤดูร้อนนี้" ลอบฆ่า หึ มันน่าฆ่าเจ้าพวกนี้จริงๆ ชายหนุ่มคิดในใจเมื่อรู้แล้วว่าต้นตอของตัวขัดจังหวะเป็นใคร
"อื้ม ตกลง ยังไงฉันจะเช็กข้อความของตัวเองอีกที เฮ้ออ กลับกันเถอะคุณโอคุดะ เดี๋ยวฉันไปส่งนะ"
"้ถ้าไม่รบกวนก็ตกลงจ้ะ" หญิงสาวยิ้มตอบ รอยยิ้มหล่อนกับแสงอาทิตย์ยามตกดิน มันช่างกลืนเข้าด้วยกันอย่างสวยงาม
ตลอดการเดินกลับบ้าน โอคุดะกับคารุมะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในหลายๆเรื่อง ชายหนุ่มผู้ไม่เคยสนทนากับผู้หญิงเป็นเวลากับหญิงสาวผู้มีปัญหาในการเข้าสังคม กำลังเดินกลับบ้านพร้อมเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม
"นี่ๆ ฉันแปลกใจเรื่องนึง" หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเธอและเข้าได้หยุดมาถึงหน้าบ้านโอคุดะ
"เรื่องอะไร" เขาถาม
"คารุมะคุง ไปเอาเคมีภัณฑ์จากไหนมาให้ฉันเหรอ สารแต่ละตัวที่ขอร้องให้ทำน่ะ หาซื้อไม่ได้ตามร้านทั่วไปนะ" เธอถาม เพราชายหนุ่มขอให้เธอทำสารให้กลิ่นเหม็น แต่เธอทำไม่ได้เพราะขาดสารบางชนิดจนกระทั่งชายหนุ่มรับปากจะนำมาให้
"หึหึ ความลับทางการค้าน่ะ" ชายหนุ่มตอบกลับด้วยท่าทียียวนเป็นที่สุด
"จ้า จ้า ไม่ถามแล้วก็ได้" หญิงสาวยอมแพ้
"ขอบคุณนะคารุมะคุงที่มาส่ง"
"ทางนี้ก็ขอบคุณเช่นกัน รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย" ชายหนุ่มรู้สึกเช่นนั้นจริง แม้จะบอกไม่ได้ว่าเป็นความรู้สึกแบบใด แต่สำหรับเขาแล้ว โอคุดะไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมชั้น
"ถ้างั้นก็กลับดีๆนะ บาย"
"อื้ม บาย"
อืมม สารนี้เหรอ หึหึ ไม่ยากหรอก
"ถ้าอย่างนั้นก็สรุปตามนี้นะทุกคน กลุ่มก็ให้เป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ไปทรรศนะศึกษาที่เกียวโตนะ" น้ำเสียงที่ดูเป็นผู้นำเอ่ยขึ้นหลังจากความเห็นของพ้องเพื่อนห้อง E ทุกคนตรงกัน ฮิโซงาอิ ตัวแทนห้องฝ่ายชายห้อง E ผู้ทำหน้าที่หลักในการประสานงานเรื่องสถานที่ในการลอบฆ่าครั้งนี้
"ถ้าไม่มีคำถามอะไรแล้วก็แยกย้ายกันเถอะทุกคน อาคารเรียนนี้ตามจริงไม่ได้เปิดในช่วงปิดเทอมด้วย หากใครมาเห็นเข้าจะโดนดุได้" คาตาโอกะ ตัวแทนฝ่ายหญิงกล่าวสรุป สิ้นคำพูดเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น ทุกคนเริ่มแยกย้ายกลับ นางิสะเดินมาชวนคารุมะกลับบ้านด้วยกัน แต่ชายหนุ่มปฎิเสธเพราะมีเรื่องที่ต้องทำอยู่
"ส่วนผสมที่คุณโอคุดะขอไว้" คารุมะยื่นขวดบรรจุสารใสให้กับโอคุดะ เมื่อวานเขารับปากจะหามาให้ ไม่คิดเลยจะไวขนาดนี้
" ขอบคุณนะจ้ะ คารุมะคุง ทีนี้น่าจะสำเร็จล่ะ" หญิงสาวรับขวดนั้นมาด้วยท่าทีกระตือรือร้น
"ไม่เป็นไรๆ เล็กน้อยมาก หาของแค่นี้ง่ายกว่าที่คุณโอคุดะต้องใช้เวลาศึกษาและทำอีก" ชายหนุ่มกล่าวพลางโบกมือเล็กน้อยเป็นเชิงว่านี่เรื่องเล็กมาก
แน่นอนหาสารเคมีภัณฑ์แค่นี้เล็กน้อยสำหรับเขามาก ก็แค่ใช้มือถือ..
"ถ้าไม่อยากให้รูปนี้เผยแพร่ออกไปมาพบฉันที่ XXX ...คารุมะห้องE(คนที่นายพยายามทวงที่สี่คืน)" ข้อความถูกส่งให้กับโทยามะ มัตสึฮิโกะ เจ้าของชมรมสิ่งมีชีวิต แห่งห้อง A ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นปีศาจการท่องจำ และล่าสุดได้พ่ายวิชาวิทย์ไปกับโอคุดะ
เจ้าของมือถือที่ได้รับข้อความถึงกับหน้าซีดเพราะรูปที่ส่งมานั้นเป็นระดับท็อปซีเครท ประชาชีทั่วไปห้ามรู้เด็ดขาด หมอนี่มันไปได้มาได้ยังไงก๊านน
เสียงคำรามในใจอย่างอดสู ตั้งแต่เกิดเรื่องที่ห้องสมุดครั้งนั้น รู้สึกว่าชีวิตจะไม่สงบสุขเลย นี่เขาต้องโดนแบล็คเมลล์แบบนี้ไปเรื่อยหรือไงกัน
โอคุดะตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างตั้งใจ แม้จะมีอุปสรรคเกิดขึ้นระหว่างทดลองแต่เธอก็ไม่ย่อท้อ จนกระทั่งสารนั้นสามารถบรรจุใส่ในรูปถุงเล็กๆเหมือนเครื่องรางเล็กๆที่มีตามวัดศาลเจ้า
"เฮ้อ เสร็จสักที เอาล่ะที่เหลือก็เก็บกวาด" หญิงสาวลุกขึ้นพรวดด้วยความดีใจกับความสำเร็จ แต่ก็นั่นล่ะ เจ้าหล่อนนั่งทำการทดลองอยู่นานสองนานจนลืมสิ่งรอบตัวไปหมด หลังจากที่ลุกขึ้นอย่างไว ความดันเปลี่ยนกระทันหัน ด้วยที่ร่างกายก็เป็นความดันต่ำอยู่แล้ว นั่นทำให้เธอหน้ามืดและล้มโครมลงกับพื้น
โอคุดะ มานามิ สลบกับพื้นอยู่นานแสนนานจนกระทั่งเธอรู้สึกตัวขึ้นบนเตียงที่มีผ้าม่านล้อมทุกด้าน
ครั้งแรกสายตาเห็นแต่ผ้าม่านสีฟ้าอ่อน และปลายเตียงที่ดูก็รู้แล้วว่านี่คือห้องพยาบาล แม้ตาเธอจะพร่ามัว
ครั้งสองเห็นลักษณะก้อนสีแดงขยับได้ข้างตัวเธอ และนอกจากสายตาแล้วประสาทสัมผัสอื่นบ่งบอกเธอว่านี่คือมนุษย์
"คารุมะคุง....ใช่ไหม" หญิงสาวถามเพราะตาเธอมองไม่ชัด ใช่แล้วแว่นเธอไม่มีนั่นเอง
"อย่าเพิ่งลุก เธอยังหน้าซีดอยู่ พักสักแปบน่าจะดีขึ้น" น้ำเสียงของชายหนุ่มแทนคำตอบของคำถามสาวน้อยได้
"ทำไมคารุมะคุงอยู่ที่นี่ได้ล่ะ"เธอถาม
ชายหนุ่มเกาหัวเล็กน้อยพร้อมสีหน้าลำบากใจ ดีจริงๆที่ตอนนี้เธอยังมองไม่ค่อยเห็น สีหน้าในตอนนี้ไม่เหมาะจะแสดงให้ใครเห็นจริงๆ
"คุณโอคุดะคิดว่าฉันจะแค่ยื่นงานแล้วไม่ติดตามผลเหรอ ผิดแล้วล่ะ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ฉันอาจจะไม่ได้มาดูก็จริง แต่ครั้งนี้มันเกี่ยวกับการลอบฆ่า ถ้าไม่รอบคอบไว้จะเสียแผนได้" คำตอบที่แสนซึนเดเระ ออกจากปากชายหนุ่ม แต่นั้นก็ไม่ทำให้สาวน้อยเสียใจ ตรงข้ามเธอกับยิ้ม และหัวเราะ
น้ำตาเอ่อไหลไม่รู้ตัว นานมากแล้วสินะที่ไม่ได้รับความอบอุ่นแบบนี้ ดีจริงๆที่ได้มาอยู่ห้อง E
"นี่ๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ เขาจะหาว่าฉันรังแกเธอกันพอดี" คารุมะลนลานราวกับทำเรื่องผิดมหันต์
"ก็ ก็ ฮึกฮึก ฉันไม่ได้รับความเอาใจใส่แบบนี้จากเพื่อนคนไหนเลย ฮึกฮึก คารุมะคุงนี่เป็นคนดีจริงๆ" น้ำตาไหลพร่าราวกับน้ำตก หญิงสาวไม่สามารถควบคุมคำพูดหรืออารมณ์ได้
คารุมะตกใจอยู่พักนึงก่อนจะตีสีหน้ากลับมาปกติ เขายื่นมือออกไปสัมผัสกับใบหน้านั้น นิ้วโป้งปาดน้ำตาที่กำลังไหลออกราวกับหวังจะให้สามารถหยุดได้
ถ้าในห้อง E เธอคือผู้หญิงที่มีความสามารถด้านเคมีเป็นเลิศ แต่เธอในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกถึงการเรียนรู้ครั้งใหม่กับเพศตรงข้าม การกระทำแบบนี้คงทำกับเพื่อนชายไม่ได้แน่ และกับผู้หญิงอื่นด้วย และอะไรกันล่ะเป็นตัวสั่งให้เราทำได้ ทำไมเราถึงรู้สึกร้อนใจแทนเธอ รู้สึกเจ็บ รู้สึกอยากโอบกอด...
"คุณโอคุดะก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ เพราะอย่างนั้นแหละ เธอจึงได้รับความรู้สึกดีๆกลับมา"ชายหนุ่มผู้พลางเช็ดน้ำตาให้
เหตุการณ์นี้ยังคงดำเนินต่อไปจนโอคุดะสงบอารมณ์ลงได้บทสนทนาจึงเริ่มขึ้น
"นี่จ้ะ สารให้กลิ่นเหม็นที่คารุมะคุงขอไว้" เธอยื่นซองที่เหมือนเครื่องรางส่งให้ชายหนุ่ม
"โอ้ ขอบคุณมากๆ จะใช้อย่างคุ้มค่าเลย" เขาเก็บซองนั้นเข้ากระเป๋าทันทีหลังจากพิจารณาซองนั้นเสร็จเรียบร้อย
"เอาล่ะ กลับบ้านกันเถอะ มืดขนาดนี้เดินผ่านป่าลงเขาไปอันตรายน่าดูเลย คุณโอคุดะอยู่ข้างฉันไว้นะ"ชายหนุ่มชวนหญิงสาวกลับ
"จ้ะ ฉันจะไม่ไปไกลจากคารุมะแน่นอน" คำตอบกลับเรียบๆแต่ชายหนุ่มกับคิดไปไกล เขาจึงหน้าแดงขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล
ตลอดระยะทางกลับบ้านทั้งสองคนต่างแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับเช่นเคย บทสนทนายืดยาวและไปไกลเกินขอบเขตุหลายเรื่อง มีแต่เสียงหัวเราะเริงร่าของชายหนุ่มกับหญิงสาว จนถึงทางแยกที่ต้องแยกทางกัน
"ฉันไปส่งเธอได้นะ ไม่ได้ลำบากอะไร" ชายหนุ่มยังคงประท้วงอยู่เนืองๆ หลังจากที่เขาเห็นว่าใกล้ถึงทางแยกกลับ เขาก็พยายามขอไปส่งเธอที่บ้าน
"ฮื้อๆ ไม่เป็นไรจริงๆจ้ะ จากตรงนี้ไปก็เป็นชุมชน ฉันมีร้านต้องแวะอยู่ด้วย" หญิงสาวปฎิเสธ
"ถ้างั้นก็ บายๆ กลับดีนะ" ชายหนุ่มยอมถอย
"จ้าเช่นกัน" หญิงสาวตอบกลับ
ทางแยกที่ทุกคนรู้จักกันดี ไม่ว่ายังไงอนาคตเราต้องเจอทางแยกอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าจะไปเส้นไหน และทางที่เลือกนั้นจะแตกไปเส้นไหนได้อีก
โอคุดะ ได้เรียนรู้จากเส้นที่แตกออกมาเรื่อยๆ เธอโดนย้ายมาอยู่ห้องE ก็เป็นหนึ่งในทางแยกของเธอ จากนั้นอ.โคโระก็ปรากฎตัวขึ้น ทางแยกของเธอก็เกิดขึ้นอีกหลายเส้น แต่ละเส้นล้วนมีจุดหมาย ขึ้นอยู่กับจะเลือกเส้นไหนเท่านั้น
"คุณโอคุดะ" คารุมะพูดขึ้นก่อนที่จะหันหลังกลับ
"จ้ะ?"
"เป็นนักวิจัยที่ยิ่งใหญ่ให้ได้นะ ฉันจะเอาใจช่วย"
รอยยิ้มของสาวน้อยกว้าง เธอตอบกับสั้นๆ "ค่ะ" แต่หนักแน่นด้วยความมุ่งมันที่จะไปถึงทางนั้นจนถึงที่สุด
......................................................
................................
....................
...............
.
.
.
ผ่านมาแล้วสิบปีสินะ คารุมะในชุดสูทสีดำน่าภูมิฐานในห้องทำงานเดี่ยวที่มีให้เฉพาะกับระดับหัวหน้าเท่านั้น
สามปีนับจากที่เขาเข้างานทำหน้าที่ตรงนี้ จากการตรากตรำทำงานอย่างหนักทำให้เขาก้าวขึ้นมาระดับหัวหน้างานด้วยอายุที่ยังถือว่าเด็กไปซะด้วยซ้ำกับตำแหน่งนี้ คำสั่งสอนของโคโระเซนเซย์ ช่วยเขาได้เยอะมาก รวมถึงความอ่อนโยนของเธอทำให้เขาหายเหนื่อยทุกครั้งที่คิดถึงใบหน้าสาวน้อยดวงตาสีลาเวนเดอร์ กลมโตภายใต้แว่นตาเล็กๆนั้น ปานนี้ยังบ้าทำวิจัยอยู่กับเจ้าทาเคบายาชิแน่
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตุขัดจังหวะความคิด
"หัวหน้าคะ เอกสารการอนุมัติงานวิจัยค่ะ" หญิงสาวผอมบาง เพรียว ท่าทางมั่นใจตามสไตล์เลขา เดินมาพร้อมแฟ้มสีเขียวใน
"โอเค เอามานี่เลย" ชายหนุ่มรับแฟ้มนั้นมา
"ไหนดูซิมีโครงการอะไรน่าสนใจบาง หือ การศึกษาหลอดเลือดต่างของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง เห พวกคุณลุงทหารที่สถานีอวกาศนั้นมาได้ไกลเลยนี่นา หึหึ" ชายหนุ่มอ่านงานวิจัยพลางนึกถึงเมื่อครั้งที่เขากับนางิสะไปเดินทางท่องอวกาศเพื่อขโมยข้อมูลของการทดลองเพื่อช่วยโคโระเซนเซย์
ชายหนุ่มนึกขำโดยเฉพาะเมื่ออ่านสรุปงานวิจัย ผลสำเร็จที่ตามมา คุ้มค่าแก่การศึกษาจริง
จากนั้นสายตาได้ไล่ลงเพื่ออ่านหัวข้ออื่น และ..
"เห โลกช่างกลมเหมือนที่พวกคุณลุงในอวกาศนั่นบอกจริงๆ" รอยยิ้มกว้าง สายตาที่เป็นประกายราวกับหาของที่หายไปเจอกลับมาแล้ว จากนั้นมือก็เอื้อมกดโทรศัพท์เรียกเลขา
RRRRRR
RRRRRRRR
RRRRRRRRR
"ถ้าเธอยังไม่รับอีกผมจะเอากรรไกรตัดสายโทรศัพท์นั่นแล้วนะ" ชายหนุ่มสวมแว่นพูดพลางหยิบกรรไกรขึ้นขู่
"หวาย หวาย ขอโทษนะจ้ะทาเคบายาชิคุง แหม หาจุดบัฟเฟอร์มันก็ต้องนับหยดนี่นา" โอคุุดะ มานามิส่งเสียงงอนๆกลับไปให้เพื่อนร่วมวิจัยเธอ
"ฮัลโหลค่ะ คะ? ได้ค่ะ ที่ไหนคะ ตกลงค่ะ" หญิงสาวตอบกลับพลางจดข้อความจากนั้นก็วางหูโทรศัพท์ และหันมาขว้ากระเป๋าออกไปหน้าตาเฉย
"นี่ๆ รีบขนาดนั้นเลยหรือไง แล้วอุปกรณ์ทดลองล่ะ"ทาเคบายาชิ ทำสีหน้าไม่พอใจเพราะดูจากทรงแล้วเขาคงต้องทำหน้าที่เก็บอุปกรณ์พวกนี้แน่เลย
"หัวหน้าโทรหาจ้ะ ทางกระทรวงต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัย เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจอนุมัติหรือไม่" หญิงสาวพูดพลางหยิบกุญแจรถ
"แล้วเขาให้ไปเจอที่ไหนล่ะ"ทาเคบายาชิถาม
"ยังไม่ได้นัดจ้ะ นี่แค่จะไปคุยรายละเอียดกับหัวหน้าก่อน"โอคุดะตอบกลับ
RRRRRRRR เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง
"ฮัลโหลคะ เอ๋? ได้ค่ะๆ" หญิงสาวเงียบอยู่สักพัก
"ทำไมเหรอ" ทาเคบายาชิ อดสงสัยไม่ได้ที่เห็นเธอนิ่ง
"ทางกระทรวงโทรกลับมาจ้ะ เขาจะให้ต่อสายตรงกับผู้อนุมัติ" เธอกระซิบตอบ
"อ่อ" ทาเคบายาชิรับทราบคำตอบนั้น แต่ก็อดแปลกใจไม่ไ่ด้ว่าแค่ขอข้อมูลเพิ่มเติมต้องติดต่อกลับมาด้วยตัวเองขนาดนี้เลยหรือ
ไม่ใช่ ตามหลักต้องผ่านเลขาเพื่อผ่านหัวหน้าโครงการจากนั้นจึงให้ทางเราเตรียมข้อมูล สไลด์ ผลงาน และส่งเข้าบอร์ดประชุมอีกที จึงจะสามารถส่งเรื่องถึงผู้อนุมัติได้ แต่นี่อะไรกัน เอ กระทรวงพาณิชย์ ทำไมคุ้นนัก
"อ๊ะ" ทาเคบายาชิเผลอร้องตกใจดัง
"ชู่ ทางนั้นกำลังจะมารับสายแล้ว" โอคุดะร้องเตือน
เหอะ เหอะ หมอนี่มันร้ายจริงๆ
"สวัสดีครับ อาคาบาเนะ หัวหน้ากองพิจารณาโครงการเพื่อการพัฒนาครับ" สิ้นเสียงปลายสาย ดวงตาสีลาเวนเดอร์เบิกโพลงเล็กน้อยพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อ รอยยิ้มกว้างปรากฎบนใบหน้าได้รูปนั้น หลายปีแล้วสินะที่ไม่ได้ยินเสียงนี้
"สวัสดีค่ะ โอคุดะ มานามิ จากทีมวิจัยและพัฒนาค่ะ"
และซากุระผลิบาน
............................................................................................................................................................................
จบล่ะค่ะ สำหรับฟิคเรื่องแรก
เขียนเพื่อสนองความต้องการของตัวเองโดยเฉพาะเลย
ข้อมูลบางอย่างเช่นการทำงานในอนาคาของคารุมะกับโอคุดะ อาจจะตกคลาดเคลื่อนไปบ้างเพราะตีความจากความเข้าใจตัวเองล้วน ><
ยังไงก็ฝากฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณมากค่าา
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น